บทนำ
ภายในห้องนอนหอพักชาย มืดสนิทไร้แสงไฟ มีเพียงแค่แสงลางๆจากพระจันทร์เต็มดวง
บนเตียงนอนมีเด็กหนุ่ม 3 คนนั่งล้อมวงกำลังสนทนาถึงเรื่องลี้ลับกันอยู่ พลางคุมผ้าห่ม
" พวกมึงเคยได้ยินเรื่อง < การหายตัวไปของนักข่าว > กันไหมวะ "
เด็กหนุ่มคนแรกเอ่ยถาม พลางหันหน้ามองเพื่อนรอบๆ
" ทำไมจะไม่เคยล่ะ ก็มันเป็นข่าวใหญ่โตในเน็ตซะขนาดนั้น "
เด็กหนุ่มคนที่สองตอบ พลางหันมองเด็กหนุ่มคนที่สาม
เด็กหนุ่มคนที่สามส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย แล้วจึงเริ่มพูดด้วยสีหน้าสงสัย
" มะ....ไม่ล่ะ กูไม่ได้เล่นเน็ต ... เรื่องมันเป็นไงเล่าให้ฟังที "
เด็กหนุ่มคนแรกพยักหน้าให้ แล้วจึงเริ่มเล่า
" เมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อน ตำรวจได้ไปเจอหญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมาจากป่าด้วยร่างสะบักสะบอม เธอกำลังเสียสติได้แต่เล่าเหตุการณ์วนไปวนมา แต่เท่าที่ตำรวจจับใจความได้ก็คือ เธอเป็นนักข่าว กำลังนั่งรถไปทำข่าวที่ไหนสักแห่งหนึ่งกับทีมของเธอประมาณ 4 คน โดยที่ต้องผ่านป่าช้าแห่งหนึ่ง แต่แล้วจู่ๆระหว่างที่พวกเธอกำลังขับรถผ่านอุโมงค์ ได้มีหมอกลงมาปกคลุมเส้นทางเอาไว้จนมองแทบไม่เห็น พอพวกเธอขับผ่านอุโมงค์มาได้ รถของพวกเธอเกิดเสียขึ้นมา อีก 4 คนที่เหลือเลยตัดสินใจลงมาเดินบนถนนตามเส้นทางไปเรื่อยๆ เผื่อเจอคนให้ขอความช่วยเหลือ ส่วนเธอคอยเฝ้ารถไว้ เวลาผ่านมา 3 ชั่วโมง หรือตอน 18.00 น. คนที่เหลือไม่ยอมกลับมาซะที เธอเลยตัดสินใจลงมาจากรถแล้วตามหาพวกเขา เธอเดินมาได้ซักพักหนึ่งก็ไปเจอรอยเท้าน่าจะเป็นของเพื่อนอยู่ในป่าข้างทาง เธอนึกว่าเพื่อนๆจะเข้าไปในป่าจึงเริ่มเดิมตามรอยเท้า เธอเดินมาได้ซัก 10 นาทีก็ไปเจอเข้ากับปราสาทร้างกลางป่าหลังหนึ่ง เธอเห็นแสงจากไฟฉายกำลังส่องไปมาภายในปราสาท เธอจึงคิดว่าเพื่อนๆของเธอน่าจะเข้าไปทำข่าวอะไรบางอย่างในนั้น เธอเลยตัดสินใจเดินเข้าไป ......... เธอเล่าเพียงแค่นี้พร้อมกับคำทิ้งท้ายว่า ' ทุกคนตายหมด อย่าอยู่ในที่มืด ทุกอย่างอยู่ในกล้องหมดแล้ว ' และนี่คือสิ่งที่ตำรวจจับใจความได้ทั้งหมด แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อพวกเขาจึงออกไปสำรวจพื้นที่ที่เธอบอก ตำรวจและอาสาใช้เวลาในการออกตรวจสอบกว่า 3 วัน 2 คืน แต่ก็ยังหาปราสาทที่เธอบอกไม่เจอ หรือแม้แต่ศพอีก 4 คน เรื่องนี้จึงกลายเป็นปริศนาไป "
เด็กหนุ่มคนแรกพูดเสร็จ เขาจึงหันหน้าไปมองเด็กหนุ่มคนที่สอง
เด็กหนุ่มคนที่สามได้แต่ฟังเฉยๆ พลางใช้มือทั้งสองข้างลูบแขนตัวเองไปมาด้วยอาการขนลุกซู่และสีหน้ากระสับกระส่าย ซักพักหนึ่งจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นกลัว
" อุโมงค์กับป่าช้าที่บอกเมื่อครู่ ใช่เส้นทางเดียวกับที่เราจะไปทัศนศึกษารึเปล่า ? "
เด็กหนุ่มทั้งสองหันหน้ามองกัน พลางหัวเราะออกมาเล็กน้อย แล้วจึงหันมาบอกเด็กหนุ่มคนที่สามด้วยใบหน้าจริงจัง และน้ำเสียงเยือกเย็นว่า
" ใช่ ! "
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น